Wednesday, June 25, 2008

นิทานธรรมเรื่องกรรมนี้มีจริง

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ หมู่บ้านริมชายหาดอันเงียบสงบ มีสามีภรรยาอยู่คู่หนึ่งชื่อ นายมั่ง กับ นางศรี ทั้งสองเพิ่งจะแต่งงานกัน นายมั่งมีฐานะร่ำรวย ขยันทำมาหากิน มีที่ดินทำนาหลายร้อยไร่ นายมั่งเป็นนักพัฒนากรเกษตรประจำหมู่บ้าน จึงมักมีพรรณไม้และพรรณพืชแปลกๆ มาทดลองอยู่เสมอ เมื่อมีปัญหาทางด้านเกษตรกรรม ชาวบ้านแถวนั้นต้องมาปรึกษานายมั่งเสมอ


เช้าวันหนึ่ง ขณะที่นายมั่งกับนางศรีกำลังนั่งทานข้าวอยู่ที่ลานหน้าบ้าน ทิดอ่ำเดินผ่านมา นางศรีจึงพูดขึ้นว่า
“ทิดอ่ำ จะรีบไปไหนกันตั้งแต่เช้า”
“จะไปบ้านกำนันทอง ได้ข่าวว่าบ้านกำนัน ต้นพันธุ์ข้าวหอมมะลิทองออกรวงเต็มไปหมด เมล็ดข้าวที่หว่านไปให้ผล 95 เปอร์เซ็นต์ ดีกว่าข้าวพันธุ์หอมมะลิรุ่นก่อนๆที่พวกเราเคยหว่านไป” ทิดอ่ำตอบ
นายมั่งจึงพูดขึ้นมาว่า “ใช่........ข้าวหอมมะลิทองให้ผลผลิตสูงและทนต่อศัตรูพืชด้วยนะ แต่รสชาติจะไม่กลมกล่อมเท่าไหร่ ข้าก็ชักอยากไปดูนาข้าวบ้านกำนันด้วย ทิดอ่ำทานข้าวด้วยกันก่อนแล้วค่อยไปพร้อมกันสิ ”
นางศรีจึงรีบเชิญชวนต่อ
“วันนี้มีผัดผักหวานกับน้ำพริกปลาร้า ของโปรดของทิดอ่ำด้วยนะ”
“หึ! เล่นพูดให้น้ำลายสอแบบนี้ ต้องขอชิมฝีมือแม่ศรีหน่อยแล้วละ” พูดเสร็จทิดอ่ำก็รีบล้างมือแล้วร่วมวงกินข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อย



ทั้งสามรับประทานอาหารเสร็จจึงพากันออกเดินทางไปยังบ้านกำนันทอง เมือไปถึงบ้านกำนันทองก็ไม่พบกำนัน ทิดอ่ำจึงถามนายแดงซึ่งเป็นคนงานของกำนันว่ากำนันไปไหน นายแดงจึงบอกว่า
“กำนันไปดูข้าว อยู่ที่ในนา”
“แหม! พอดีเลย พวกฉันก็อยากมาดูนาข้าวของกำนัน ช่วยนำทางไปหน่อยสิ” ทิดอ่ำพูด
เมื่อไปถึงนาข้าว นายมั่งพูดทักทายกำนัน
“สวัสดี กำนัน ได้ข่าวว่าข้าวออกรวงมากไช่ไหม?”
“ใช่ ต้นข้าวกำลังงาม” กำนันตอบอย่างภาคภูมิใจ
“ฉันต้องส่งข่าวให้เกษตรกรที่อำเภอทราบว่าข้าวพันธุ์ให้ผลผลิตได้ดีเยี่ยม” นายมั่งพูด




หลังจากที่ชมนาข้าวของกำนันเสร็จ นายมั่ง นางศรี และทิดอ่ำก็พากันกลับบ้าน หลังจากนั้นอีกสามสี่วัน นายมั่งกับนางศรีได้ไปเจอกำนันที่วัดท้ายบ้าน กำนันมีสีหน้าเคร่งเครียด นายมั่งจึงถามกำนันว่า
“กำนัน มีเรื่องไม่สบายใจอะไรรึเปล่า?”
กำนันตอบว่า “ข้ากลุ้มใจมาก มีหนูจำนวนมาก ไม่รู้มาจากไหน ออกมาหากินตอนกลางคืน ทำลายนาข้าวไปเป็นจำนวนมาก”
“ไม่เห็นต้องกลุ้มเลย ที่วัดมีแมวอยู่มากมาย กำนันขอยืมแมวหลวงพ่อมา 4 ตัวสิ” นางศรี-แนะนำ
“เอ้อ! ข้าก็มัวแต่กลุ้มจนลืมคิด ขอบใจแม่ศรีนะ”



กำนันจึงนำแมว 4 ตัว ไปปล่อยที่นาของตน แมว 4 ตัวจับหนูกินเป็นอาหารทุกวัน ไม่นานหนูก็หมดไปจากนาของกำนัน กำนันจึงนำแมวทั้ง 4 ตัวกลับไปคืนที่วัดแต่แมวทั้ง 4 ตัวไม่ชอบอยู่ที่วัด จึงกลับไปที่บ้านกำนันอีก กำนันโมโหมาก จึงนำแมวกลับไปคืนที่วัดอีก ทำเช่นนี้อยู่หลายครั้ง ในที่สุดกำนันก็คิดจับแมวใส่กระสอบแล้วจุดไฟเผา แมวทั้ง 4 ตัวได้รับความทุกทรมานมาก ร้องเสียงโหยหวนดังทั่วไปหมด เป็นที่น่าเวทนามาก



ต่อมาในคืนหนึ่งมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ขณะที่กำนันทองกำลังหลับอย่างมีความสุข ตะเกียงที่จุดไว้ใกล้มุ้งเกิดล้มลง ไฟไหม้มุ้งกำนันทองลุกลามอย่างรวดเร็ว กำนันทองร้องให้คนช่วย แต่เมื่อคนวิ่งมาถึงก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เพราะไฟลุกท่วมไปหมด กำนันส่งเสียงร้องดังลั่นอย่างเจ็บปวด ในที่สุดก็ขาดใจตาย เพราะเกิดจากกรรมที่ทำไว้กับแมวทั้ง 4 การตายของกำนันทองนำความโศกเศร้าเสียใจมาให้กับครอบครัวเป็นอย่างมาก
นายมั่งจึงพูดกับนางศรีและทิดอ่ำว่า
“กรรมตามทันเร็วจริงๆ ไม่ต้องรอชาติหน้า ชาตินี้ก็เห็นผลแล้ว”